คุณจะกลัวหรือไม่ดิฉันไม่อาจทราบได้ แต่ที่ดิฉันทราบคือ ดิฉันกลัวตุ๊กแกมาก ใครจะว่าปัญญาอ่อน ใครจะว่าแก่แล้วยังกลัวตุ๊กแกอยู่ได้ ดิฉันไม่สน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกคือ จัดการทำให้มุมอับทึบ ที่ชื้นแฉะ ให้สลายหายไปจากบริเวณที่ดิฉันจะไปใช้ชีวิตอยู่ ดูเหมือนจะเป็นโรคจิตอ่อนๆนะ แต่ดิฉันกลัวมันจริงๆ และดิฉันเองก็มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล ในการที่จะกลัวมันด้วย
เรื่องที่ทำให้ฉันกลัวตุ๊กแกนั้นมันมีอยู่ว่า ประมาณ 19 ปีที่แล้ว บ้านของฉันยังเลี้ยงหมูอยู่ เรามีคอกหมูขนาดเล็กอยู่ทางด้านทิศเหนือ และที่คอกหมูนั้นเองที่เป็นแหล่งซ่องสุม กำลังพล ของเหล่าตุ๊กแกทั้งเล็กบ้างใหญ่บ้าง สมัยโน้นยังไม่มีใครเลี้ยงตุ๊กแกไว้ขายเหมือนทุกวันนี้ ใครที่ทำอาชีพรับซื้อตุ๊กแกไปขายให้พ่อค้า ต้องมาตามจับตุ๊กแกตามหมู่บ้านต่าง ราคาในตอนนั้น ตัวเล็ก ไม่ว่าหางสั้นหางยาว ราคาตัวละห้าบาท ตัวใหญ่หางสั้นตัวละเจ็ดบาท ถ้าตัวใหญ่หางยาวด้วยตัวละสิบบาท
วันที่เกิดเรื่องน่าจะเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ไม่มั่นใจ แต่ต้องเป็นวันหยุดแน่ๆ เพราะฉันไม่ต้องไปโรงเรียน ตอนที่พวกเหล่าชายฉกรรจ์ มาล้อมจับฝูงตุ๊กแกที่คอกหมูฉันก็อยู่บริเวณนั้นด้วย แต่ไม่ได้อยู่ภาคพื้นดิน ฉันอยู่บนต้นมะยมข้างคอกหมู จำได้เลาๆว่าแม่ใช้ให้เก็บมะยมมาทำมะยมดอง/เชื่อม เอาไว้ขายตอนไปโรงเรียน ตอนที่เก็บมะยมอยู่กลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6คน พร้อมอาวุธครบมือ (ประกอบด้วย ไม้ยาวๆที่มีบ่วงเชือกไว้รัดคอตุ๊กแก+กระสอบป่านใบย่อมๆหนึ่งใบ)ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กฉลาด ก็เลยนั่งดูอยู่บนกิ่งต้นมะยม
Gecko |
ตอนนั้นยังไม่กลัวตุ๊กแก ตอนที่พวกผู้ชายตัวโตๆ(ตามความรู้สึกของเด็ก 5-6ขวบ) แกะเอาแผ่นไม้ที่พ่อเอาไปวางไว้ด้านข้างคอกหมูออก เพื่อจะจับตุ๊กแกนั้น ก็มีเสียงร้องบอกกันว่า “ฮู้... มีเป็นร้อยเลย ตัวใหญ่ทั้งนั้น” แล้วพ่อเฒ่าที่มากับทีมก็ร้องบอกว่า “ระวังแน๋สู แม่มันหวงไข่หวงลูกมันสิกัด” ตอนนั้นเพิ่งรู้ว่าตุ๊กแกก็กัดคนได้ เด็กหนอเด็ก ก็เฝ้าดูต่อไป พวกนั้นก็ใช้บ่วงคล้อง เอาตุ๊กแกมาได้ที่ละตัว สองตัว บางคนเอามือเปล่าจับมาโยนลงในกระสอบ ทั้งๆที่ปากกระสอบก็ไม่ปิด แต่ตุ๊กแกก็ไม่วิ่งหนีออกมา ด้วยความสงสัยเลยถามพ่อเฒ่าว่าทำไมตุ๊กแกมันไม่วิ่งหนี พ่อเฒ่าบอกว่าที่ไม่หนีเพราะมันโดนจับหักคอตายหมดแล้ว ตัวเล็กๆจะจับหักคอให้ตาย พอกลับถึงบ้านก็จะไปผ่านกระบวนที่จะทำให้มันไม่เน่า แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่าทำยังไง
นั่งดูไปได้สักพัก ก็มีเสียง ฮือฮา ในกลุ่มพวกคนหนุ่ม จับใจความได้ว่า เจอตุ๊กแกตัวใหญ่ แต่มันวิ่งหนีเข้าไปแอบในซอกแคบๆ เอาไม้หย่อนลงไป ก็ไม่โดน ลองกันอยู่นาน จนคนที่ท่าทางจะมากประสบการณ์ บอกว่าจะล้วงลงไปจับตุ๊กแกออกมา พ่อเฒ่าก็ได้ห้ามปรามแล้ว แต่เขาไม่ฟัง ตอนที่เขาทำการล้วงอยู่นั้น ทุกคนรวมทั้งฉันต่างก็ลุ้นกันจนตัวโก่ง เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ตึ้กตั้ก ๆ
ความงียบเข้าครอบงำบริเวณนั้นประมาณ 5 นาที ผู้ชายคนนั้นก็ร้องเสียงดัง ว่า “มันกัดกู มันกัดกู” แล้วเขาก็เอามือขึ้นมา ภาพที่ฉันเห็น คือ มือที่อาบไปด้วยเลือดสดๆ บริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือมีตุ๊กแกติดอยู่ แกสะบัดมือไปมา สะบัดยังไงก็ไม่ออก ตุ๊กแกมันก็ห้อยอยู่อย่างนั้น พ่อเฒ่าบอกให้เขาวางมือลงกับพื้นนิ่งๆ แล้วเอามีดฟันฉับลงไปที่ตุ๊กแก ขาดเป็นสองท่อน จากนั้นก็แงะเอาหัวของตุ๊กแกออกจากมือของผู้ชายคนนั้น ภาพที่เห็นคือ นิ้วหัวแม่มือห้อยร่องแร่งจะหลุดมิหลุดแล่ ผู้ชายคนนั้นก็หมดสติเป็นล้มลงไปกองอยู่กับพื้นทันที เกิดเสียงเอะอะโวยวายกันสักพัก คณะล่าตุ๊กแกก็แบกเอาเพื่อนร่วมทีมที่บาดเจ็บไป
ผ่านมา 19ปีแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นยังไง หมอจะเย็บนิ้วมือให้ได้เหมือนเดิมไหม หรือว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการมีนิ้วมือแค่เก้านิ้ว เพราะความประมาทแท้ๆ
เหตุการณ์นั้นทำให้ฉันกลัวตุ๊กแกฝั่งใจมาจนถึงทุกวันนี้ และคอยระวังไม่ให้ลูกหลานเข้าใกล้สัตว์อันตรายตัวนี้เลย แม้ใครๆจะบอกว่ามันไม่ใช่สัตว์อันตราย ฉันจะไม่เชื่อเด็ดขาด
Gecko |
No comments:
Post a Comment